หอการค้าฝรั่งเศส-ไทย จัดงานมหกรรมแสดงสินค้าฝรั่งเศสที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย “บงชูร์ เฟรนช์ แฟร์ 2013” (Bonjour French Fair 2013) ยกขบวนสินค้านำเข้าจากประเทศฝรั่งเศสมาลดราคาพิเศษนับร้อยรายการ และครั้งแรกกับการประชันสินค้าแบรนด์ดังจากเยอรมัน ซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 12 - 15 ธันวาคม 2556 เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ ห้องบอลรูม ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งได้จัดงานแถลงข่าวจัดงานอย่างเป็นทางการโดยมี
สุกัญญา เอื้อชูชัย กรรมการบริหาร หอการค้าฝรั่งเศส – ไทย และ มร.เยอร์ก บุค ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร หอการค้าเยอรมัน – ไทย ร่วมงาน ณ โรงเรียนสอนการประกอบอาหาร เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต เมื่อวันก่อน
สุกัญญา เอื้อชูชัย กรรมการบริหาร หอการค้าฝรั่งเศส – ไทย กล่าวว่า หอการค้าฝรั่งเศส-ไทย จะจัดงานมหกรรมแสดงสินค้าฝรั่งเศสที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย “บงชูร์ เฟรนช์ แฟร์ 2013” (Bonjour French Fair 2013) ซึ่งจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีนี้เป็นที่ 11 มีการยกขบวนสินค้านำเข้าจากประเทศฝรั่งเศสที่หาซื้อยากนับร้อยมาลดราคาพิเศษมากมาย อาทิ ไวน์, แชมเปญ, คอนยัค (Cognac), น้ำผลไม้, ชีส, ไส้กรอก, แยม, ช็อคโกแลต เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์สปา น้ำหอม, เสื้อผ้า, นาฬิกา, แว่นตา, กระเป๋า, รองเท้า เครื่องใช้ในบ้าน, เครื่องชงกาแฟ ฯลฯ โดยไฮไลต์ในปีนี้ถือเป็นความพิเศษและโบนัสให้นักช็อปได้สัมผัสกับสินค้าเยอรมันควบคู่ไปด้วยภายในงานกับโซน “เยอรมัน ดีไซน์ แอนด์ ไลฟ์สไตล์ แฟร์ 2013” (German Design & Lifestyle Fair 2013) เพื่อฉลองครบรอบ 50 ปี สนธิสัญญาเอลิเซ (Élysée Treaty) ระหว่างประเทศฝรั่งเศสและเยอรมันด้วย
ทั้งนี้บรรยากาศภายในงานแถลงข่าวคึกคักไปด้วยเซเลบสาวกฝรั่งเศสและเยอรมันตัวจริงที่มาร่วมงาน โดยมีการนำไฮไลต์ที่จะเกิดขึ้นในงานแฟร์มาโชว์ อาทิ การรับประทานหอยนางรมแบบฉบับฝรั่งเศส โดย เชฟโรดอฟ โอโน่ จากโรงเรียนสอนการประกอบอาหาร เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต เล่าว่า ชาวฝรั่งเศสเป็นอีกชาติชื่นชอบรับประทานหอยนางรมมาก ถึงขนาดมีธรรมเนียมปฏิบัติการทานที่น่าสนใจสืบทอดมาเป็นร้อยปี โดยเชื่อว่าต้องรับประทานหอยนางรมเฉพาะเดือนที่ลงท้ายด้วยตัวอักษร R ในภาษาฝรั่งเศสเท่านั้น อาทิ Janvier, Frevrier, Mars และ Novembre คือมกราคม – เมษายน และกันยายน - ธันวาคม เพราะเชื่อว่าอุณหภูมิและความสะอาดของน้ำทะเลในช่วงนั้นจะทำให้หอยนางรมมีรสชาติดีที่สุด ทำให้หอยนางรมกลายเป็นอาหารสุดหรูที่ชาวฝรั่งเศสนิยมนำขึ้นโต๊ะงานเลี้ยงฉลองเทศกาลสำคัญต่างๆ โดยเฉพาะวันรวมญาติอย่างคริสต์มาส โดยวิธีการทานหอยนางรมของชาวฝรั่งเศสจะเน้นที่รสชาติความสดตามธรรมชาติของตัวหอยเป็นหลัก ไม่เน้นเครื่องเคียงเหมือนคนไทย เพียงนำหอยนางรมสดมาแกะเปลือกด้านบนออกให้เหลือแต่เปลือกด้านล่าง จากนั้นนำไปล้างน้ำสะอาด 2 รอบ รอบที่ 2 พักทิ้งไว้ 5 – 10 นาที หอยนางรมจะปล่อยวิตามินและเกลือแร่ออกมาซึ่งเชฟบอกว่ารสอร่อยรองจากตัวหอยเลยทีเดียว ก่อนจะนำมาทานกับมะนาว หอมแดง หรือ น้ำส้มสายชู คู่กับขนมปังฝรั่งเศส
ด้าน ยูมิ เคียงศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท เพนดูลัม จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านนาฬิการะดับโลกจากเยอรมัน มาแนะนำเรื่องการเลือกนาฬิกาว่า คนที่มีไลฟ์สไตล์ที่ต้องทำงานเอ้าท์ดอร์ บ่อยๆ ควรใช้นาฬิกาที่มีตัวเรือนทำจากเหล็กและสายที่เป็นโลหะหรือยาง เพราะจะทนกับเหงื่อที่ออกตามร่างกาย แต่ถ้าจะไปงานที่เป็นทางการควรใส่นาฬิกาเรือนทองสายเป็นเหล็กหรือหนังเพิ่มความหรูหรา ส่วนวิธีการดูแลนาฬิกาที่สำคัญคือการตั้งเวลาใหม่ทุกครั้งที่ใส่ คือ เซทเวลาไปที่ 8 นาฬิกา จากนั้นไปเซทวันที่ให้ย้อนหลังไป 1 วัน แล้วค่อยกลับมาตั้งเวลาใหม่ตามเวลาจริงในวันนั้นและตามด้วยการ
ขึ้นลาน 15 ครั้ง ทำอย่างนี้ทุกครั้งที่ใส่ จะทำให้กลไกนาฬิกาไม่ขัดข้อง ช่วยดูแลรักษาและยืดอายุการใช้งานมากขึ้น
ขณะที่กูรูน้ำหอมสินค้าขึ้นชื่อของประเทศฝรั่งเศส ณัฐกาญจน์ เด่นวณิชชากร Celebrity Brand Manager บริษัท Bel Perfume Co.,Ltd., แนะนำว่า การเลือกน้ำหอมให้เหมาะกับตัวเองจะช่วยสร้างเสน่ห์ซึ่งมีผลต่อการเข้าสังคม ค้าขาย สมัครงาน แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบของแต่ละคน แต่ควรเลือกก่อนเที่ยงหรือก่อนรับประทานอาหารมื้อหลัก เพราะเครื่องเทศจากอาหารจะส่งผลให้ประสาทในการรับกลิ่นผิดเพี้ยนไป โดยให้ลองเทสต์บนกระดาษหรือฉีดที่ข้อมือทิ้งไว้ 5 – 10 นาที เพื่อให้น้ำหอมผสมเข้ากับฟีโรโมนในตัวเราจนเป็นกลิ่นหอมเฉพาะตัว ส่วนวิธีฉีดน้ำหอมให้ไม่ฉุนให้ฉีดตามจุดชีพจร อาทิ หลังหู ข้อมือ ข้อพับ หัวไหล่ เนื่องจากอุณหภูมิและการสูบฉีดโลหิตจะทำให้น้ำหอมฟุ้งขึ้นมา ส่วนวันพิเศษที่จะไปเจอคนรู้ใจให้ฉีดบริเวณช่วงหน้าอกให้เป็นรูปตัววี (V) จะช่วยเพิ่มความหอมมากขึ้น ซึ่งวิธีทำให้กลิ่นติดทนนาน คือ
อาบน้ำอุ่น เพื่อปิดรูขุมขน ควบคู่กับการทา เบบี้ ออยล์ หรือ บอดี้ ครีม ที่มีกลิ่นเดียวกันกับน้ำหอม
ปิดท้ายกับกูรูด้านไวน์ คริสต๊อป เมอร์ซิเออร์ อาจารย์สอนหลักสูตรความรู้เกี่ยวกับไวน์ มาแนะนำไวน์ เครื่องดื่มสุดฮอตของชาวฝรั่งเศสว่า ไวน์ที่ชาวฝรั่งเศสนิยมรับประทาน ซึ่งนำมาโชว์มี 5 แบบ คือ พิโน บลอง (Pinot Blanc) ไวน์ขาว มีรสออกเปรี้ยว ซ่า มาจากรัฐ Alsace ผสมผสานกลิ่นอายของทั้งประเทศเยอรมันและฝรั่งเศส, โกร ปลองท์ (Gros Plant) ไวน์ขาว มาจากรัฐเดียวกับหอยนางรม รสชาติเปรี้ยว นุ่ม ซ่าๆ ใช้ระยะเวลาในการหมักด้วยยีสยาวนาน ชาโต เลอ กรอง แวร์ดู (Chateau Le Grand Verdus) ไวน์ขาวที่ดังมาจากแคว้นบอร์โด ประเทศฝรั่งเศส ใช้องุ่นทั้งหมด 3 ชนิด รสชาติจะหลากหลาย วาไรตี้ รสอโรมา หอมๆ โพรเซโก (Prosecco) เป็นสปาร์คกลิ้งไวน์ ประเทศอิตาลี มีฟองเล็กๆ ทานกับหอยนางรมรสชาติจะตัดกันได้ดี ชีราซ (Shiraz) ไวน์แดง จากรัฐ โรน (Rhone) ประเทศฝรั่งเศส รสราสเบอรี่ ออกรสหวานเข้มข้น องุ่นของไวน์ชนิดนี้นิยมปลูกในที่อากาศร้อน อาทิ ประเทศไทย ออสเตรเลีย เป็นต้น
ร่วมชมร่วมช็อปสินค้าชื่อดังจากฝรั่งเศสและเยอรมัน ในงาน “บงชูร์ เฟรนช์ แฟร์ 2013” (Bonjour French Fair 2013) มหกรรมแสดงสินค้าฝรั่งเศสที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ในระหว่างวันที่ 12 - 15 ธันวาคม 2556 เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ ห้องบอลรูม ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สอบถามข้อมูล โทร 02-650-9613-4 ต่อ 130 หรือเฟสบุ๊ค www.facebook.com/BonjourFrenchFair