ข้อมูลงานสร้าง
แฟรนไชส์ภาพยนตร์ที่กวาดรายได้ถล่มทลาย 675 ล้านเหรียญกลับมาสู่ภาคที่ห้า ซึ่งเป็นภาคที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดจนถึงปัจจุบัน Resident Evil: Retribution ที่เขียนบทและกำกับโดยพอล ดับบลิว.เอส. แอนเดอร์สัน ในระบบ 3D ล้ำสมัย
T ไวรัสมฤตยูของอัมเบรลลา คอร์ปอเรชันยังคงระบาดไปทั่วโลก และเปลี่ยนประชากรของโลกให้กลายเป็นกองทัพซอมบี้ ที่เป็นภัยคุกคามมากขึ้นเรื่อยๆ อลิซ (มิลลา โจโววิช) ความหวังหนึ่งเดียวที่ยังคงหลงเหลืออยู่ของมนุษยชาติ ฟื้นขึ้นมาในใจกลางของสถานปฏิบัติการที่แน่นหนาที่สุดของอัมเบรลลา หลังจากพยายามเสี่ยงภัยหนีออกจากคอมเพล็กซ์ไฮเทคขนาดมหึมา ด้วยความช่วยเหลือของหน่วยคอมมานโดขั้นสูงบางคน อลิซก็ต้องต่อสู้ท่ามกลางนครโตเกียว นิวยอร์ก ซิตี้ มอสโคว์และวอชิงตัน ดี.ซี. ระหว่างทาง เธอได้พบกับเรื่องที่น่าตื่นตะลึงมากมาย ที่บีบให้เธอต้องใคร่ครวญถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอเคยเชื่ออีกครั้ง ภายใต้ความช่วยเหลือจากมิตรใหม่และมิตรเดิมที่คุ้นหน้าคุ้นตา อลิซได้พบเหตุผลใหม่ในการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดในโลกโหดร้าย ที่กำลังอยู่บนขอบเหวของความพินาศ การนับถอยหลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ผู้ที่ร่วมแสดงกับมิลลา โจโววิชคือมิเชลล์ โรดริเกซ (Resident Evil, Avatar), เควิน ดูแรนด์ (Robin Hood, Lost), เซียนนา กิลโลรี (Resident Evil: Apocalypse, Resident Evil: Afterlife), ชอว์น โรเบิร์ตส์ (Resident Evil: Afterlife), อาร์ยานา เอ็นจิเนียร์ (Orphan), โคลิน แซลมอน (Resident Evil), โจนาธาน เอิร์บ (2012) ร่วมด้วยบอริส ค็อดโจ (Resident Evil: Afterlife) และหลี่ปิงปิง (Snowflower and the Secret Fan)
Resident Evil: Retribution เขียนบทและกำกับโดยพอล ดับบลิว.เอส. แอนเดอร์สัน (The Three Musketeers, แฟรนไชส์ Resident Evil) และอำนวยการสร้างโดยเจเรมี โบลท์ (The Three Musketeers, Resident Evil: Afterlife), พอล ดับบลิว.เอส. แอนเดอร์สัน, โรเบิร์ต คัลเซอร์ (The Three Musketeers, Resident Evil: Afterlife), ดอน คาร์โมดี้ (The Three Musketeers, Resident Evil: Afterlife) และซามวล ฮาดีดา (Resident Evil: Afterlife, Good Night, and Good Luck) ผู้ควบคุมงานสร้างคือมาร์ติน มอสโควิคซ์ (The Three Musketeers, Resident Evil: Afterlife) ผู้ร่วมอำนวยการสร้างคือวิคเตอร์ ฮาดีดา ผู้ช่วยอำนวยการสร้างคือฮิโรยูกิ โคบายาชิ ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างขึ้นจากเกม Resident Evil ของค่ายแคปคอม ผู้กำกับภาพคือเกลน แม็คเฟอร์สัน, เอเอสซี, ซีเอสซี (Resident Evil: Afterlife, The Three Musketeers) มือลำดับภาพคือนิเวน โฮวี (Resident Evil: Afterlife, The Raven) ผู้ออกแบบงานสร้างคือเควิน ฟิปส์ (V for Vendetta, Ghost Rider: Spirit of Vengeance) ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายคือเวนดี้ พาร์ทริดจ์ (Conan the Barbarian, Legion) ซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายวิชวล เอฟเฟ็กต์คือเดนนิส เบราร์ดี้ วิชวล เอฟเฟ็กต์ ดิจิตอลโดยมิสเตอร์เอ็กซ์ อิงค์. ดนตรีดั้งเดิมโดยทูแมนแดนดี้ (Resident Evil: Afterlife)
Resident Evil: Retribution ได้รับการจัดเรท R โดย MPAA ด้วยเหตุผลต่อไปนี้: ซีเควนซ์ที่มีความรุนแรงตลอดเรื่อง ความยาว: 1 ชั่วโมง 35 นาที
เดินทางรอบโลกในระบบ 3D
ในหลายภาคที่ผ่านมา Resident Evil ได้พาผู้ชมไปทั่วโลก และลึกเข้าไปในอัมเบรลลา คอร์ปอเรชันที่ลึกลับ แต่ไม่เคยทำในสเกลที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาก่อน Resident Evil เป็นแฟรนไชส์ระดับโลกครับ แอนเดอร์สันกล่าว ผมไม่ได้หมายถึงลักษณะการถ่ายทำของมันเท่านั้น แต่รวมถึงเรื่องโลเกชันด้วย ในภาคแรก มันเป็นโลกของไฮฟ์ที่น่าอึดอัด ในภาคสอง เป็นท้องถนนยามค่ำคืนของเมืองแร็คคูน ซิตี้ ภาคที่สาม เราย้ายไปทะเลทราย และภาคที่สี่คือลอสแองเจลิสหลังหายนะ ที่ถูกเผาผลาญจนไหม้เกรียม ครั้งนี้ เราได้สร้างสิ่งที่เป็นเหมือนโร้ดมูฟวี เพราะเราไปจากประเทศหนึ่งไปสู่อีกประเทศหนึ่งเรื่อยๆ ในแบบที่แปลกใหม่ครับ
บทภาพยนตร์ระบุถึงฉาก 74 ฉาก ขณะที่เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจากอเมริกาเหนือไปสู่ญี่ปุ่น มอสโคว์ ไปถึงกัมชัทก้า ในทางตอนเหนือสุดของรัสเซีย ทั้งหมดถ่ายทำในกองถ่ายและโลเกชันในโตรอนโต เราใช้วิชวล เอฟเฟ็กต์ที่น่าทึ่งเพื่อสร้างความรู้สึกที่ว่าเรากำลังเดินทางรอบโลกครับ แอนเดอร์สันกล่าว การถ่ายทำในมอสโคว์และโตเกียวคงจะเป็นเรื่องยากมากๆ แม้ว่าเราจะได้ไปญี่ปุ่น เราก็คงไม่สามารถปิดใจกลางของย่านชิบูยะ และสร้างความเสียหาย พังพินาศแบบนั้นได้ เราก็เลยสร้างส่วนของย่านนั้นขึ้นมาในด้านหลังสตูดิโอ แล้วเราก็ได้ส่งทีมงานไปมอสโคว์และปิดส่วนหนึ่งของจัตุรัสแดงสองวัน เพื่อสร้างเพลทแบ็คกราวน์สำหรับการจำลองอย่างละเอียดละออ ซึ่งรวมถึงร้านกัมสโตร์ ซึ่งเป็นเหมือนร้านแฮร์ร็อดส์ของมอสโคว์
ผู้ออกแบบงานสร้าง เควิน ฟิปส์ ได้คิดภาพคอนเซ็ปต์ของฉากที่แปลกแยกของภาพยนตร์เรื่องนี้ ทั้งที่จำลองขึ้นมาและประดิษฐ์ขึ้นมา มันมีภาพวิชวลที่แตกต่างกันอย่างน่าอัศจรรย์ใจมากมายในหนังเรื่องนี้ ซึ่งทำให้มันเป็นงานที่น่าตื่นเต้นครับ ฟิปส์กล่าว โลกของ Resident Evil ไม่เหมือนโลกอื่นๆ เราได้ออกแบบเพื่อโลกในจินตนาการ โลกอนาคตไฮเทคของอัมเบรลลา คอร์ปอเรชัน แต่นำมันไปอยู่ในโลกที่มีอยู่แล้ว มันเป็นผ้าใบที่กว้างใหญ่มากๆ
ในตอนที่พอลเขียนฉากให้เกิดขึ้นในจัตุรัสแดง เราต้องคิดหาวิธีการถ่ายทำที่มีภาพที่น่าสนใจที่สุด แต่ประหยัดที่สุด เขากล่าวเสริม มันต้องอาศัยสมดุลที่ดีเยี่ยมระหว่างฉากจริงๆ และฉากเสมือนจริง เราใส่ใจในรายละเอียดมาก ผมพบความสุขอย่างมากในพื้นที่ระหว่างกลางระหว่างความจริงและภาพมายาครับ
นวัตกรรมที่น่าสนใจที่สุดของฟิปส์คือภายในของป้อมปราการที่ซ่อนเร้นอย่างน่าอัศจรรย์ของอัมเบรลลา คอร์ปอเรชัน ในการนำเสนอศูนย์กลางประสาทของบริษัทแห่งนี้ เขาได้ออกแบบโลกที่ทำจากกระจก ทั้งระเบียง ห้องสอบสวนและศูนย์ควบคุม ทั้งหมดเต็มไปด้วยแสง ที่แสดงถึงความอนันต์ที่เย็นยะเยือก ท้ายที่สุดแล้ว เราก็ได้ออกแบบพื้นและผนังระบบโมดูลาร์ ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามลุคต่างๆ ของเรา เขากล่าว มันกลายเป็นความท้าทายด้านเทคนิคมากยิ่งกว่าที่เราคาดคิดไว้เสียอีก เราได้ค้นคว้าและวิจัยอยู่พักใหญ่ เพื่อคิดหาหลักการออกแบบที่สอดคล้องกันสำหรับประตูและผนัง รวมถึงหาวิธีที่ดีที่สุดที่จะให้แสงกับฉาก มันมีการถ่ายภาพไฮสปีด รวมถึง 3D ในหนังมากมาย ในตอนที่คุณถ่ายทำ 216 เฟรมต่อวินาที คุณก็ต้องใช้แสงเยอะครับ
สำหรับภาพยนตร์เรื่องที่สามในระบบ 3D แอนเดอร์สันและเพื่อนผู้ร่วมงานกับเขามานาน ผู้กำกับภาพ เกลน แม็คเฟอร์สัน ได้ใช้อุปกรณ์ที่ล้ำสมัยที่สุด ซึ่งบางชิ้นถูกพัฒนาขึ้นเพื่อ Resident Evil: Retribution โดยเฉพาะ ในตอนที่เราสร้าง Resident Evil: Afterlife เราได้ใช้สิ่งที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในตอนนั้น แอนเดอร์สันกล่าว มันได้พัฒนาขึ้นอย่างมากนับตั้งแต่นั้นมาและเกลนก็ได้ใส่อัจฉริยภาพของตัวเองลงไปในเรื่องนี้ด้วย
เกลนเบื่อที่ผมบ่นว่าผมไม่สามารถทำบางสิ่งบางอย่างได้ด้วยกลไก 3D เขาก็เลยสร้างมันขึ้นให้ผม แอนเดอร์สันกล่าวต่อ ผมหงุดหงิดเพราะผมใช้เลนส์มุมกว้างไม่ได้ และถ้าผมอยากได้ภาพสโลว์โมชัน ผมก็ต้องเอากล้องอีกตัวเข้าม กลไกใหม่จะมีขนาดเล็กกว่าและยืดหยุ่นกว่ากลไกที่เราใช้ในภาคที่แล้ว เราก็เลยสร้างภาพแบบสเตดิแคมได้มากกว่า พวกมันถูกสร้างขึ้นตามสเป็คของผม และวิธีที่ผมชอบ
